เขาว่าหลวงพี่เป็น...ผู้มีอิทธิพล
โดยพระธาดา จรณธโร
ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์ (องค์กรสาธารณประโยชน์)
......................................
ธรรมทายาทรุ่นเนื้อนาบุญนี้โชคดีมาก เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่ออนุญาตให้ไปปฏิบัติธรรม ณ สถานที่พิเศษแห่งหนึ่งซึ่งปกติจะให้เฉพาะบุคลากรภายในที่อุทิศชีวิตทำงานพระศาสนามาหลายปีแล้วเท่านั้นเข้าไปใช้ได้ สถานที่แห่งนี้พร้อมทุกอย่างตามหลักสัปปายะสี่คือ ที่อยู่เป็นที่สบาย อาหารเป็นที่สบาย บุคคลเป็นที่สบายและธรรมะเป็นที่สบาย
หลักสัปปายะ 4 มีที่อยู่เป็นที่สบาย อาหารเป็นที่สบาย บุคคลเป็นที่สบาย และธรรมะเป็นที่สบาย |
ธรรมะเป็นที่สบาย หนึ่งในสัปปายะ 4 |
พวกเราปฏิบัติธรรมกันที่นี่อย่างมีความสุข เพราะธรรมทายาทส่วนใหญ่ทิ้งภาระทางโลกมาชั่วคราวเพื่อบวชบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมื่อจบโครงการแล้วก็ลาสิกขากันไป ที่เหลืออยู่ก็คือผู้ที่มีเป้าหมายในการบวชแบบวันต่อวัน ซึ่งจะต้องเข้ารับการอบรมเป็นพระนวกะ และเข้าหลักสูตรเพื่อเตรียมเป็นบุคลากรภายในของวัดพระธรรมกายต่อไป รวมแล้วนับแต่เป็นธรรมทายาทถึงวันที่ผ่านการอบรมเพื่อบรรจุเข้ารับบุญตามหน่วยงานต่างๆนั้นใช้เวลาเกือบสามปีทีเดียว ("การรับบุญ" เป็นคำที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อใช้แทนการทำงาน เพื่อตอกย้ำว่า มันไม่ใช่การทำงานแบบทางโลกที่มีผลตอบแทนเป็นสินจ้างรางวัล แต่มันคือการทำงานที่มีผลตอบแทนเป็นบุญ)
จำได้ว่าเมื่อกลับมาจากปฏิบัติธรรมพิเศษ เพราะใกล้จะปิดโครงการธรรมทายาทรุ่นบูชาธรรมแล้ว วันหนึ่งมีพระพี่เลี้ยงซึ่งดูแล้วอายุยังน้อยมากๆ ท่านสั่งหลวงพี่ว่า “ธาดา ช่วยเอาเอกสารนี้ไปพิมพ์ให้หน่อย” มันแปล๊บเข้ามาในใจของหลวงพี่ว่า เมื่อก่อนงานอย่างนี้มันจะมาถึงมือเราไหม? แต่ก็ตอบท่านไปว่า “ได้ครับผม” ปรากฎว่าเมื่อจบโครงการพระพี่เลี้ยงรูปนั้นท่านก็ลาสิกขาไปเพราะท่านกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่
ผู้บวชที่หลัง(อาวุโส) ต้องเคารพผู้บวชก่อน (ภัณเต) เพื่อลดความถือตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน ขอขอบคุณภาพ : www.webkal.org |
นี่คือความงดงามของธรรมะวินัย จึงเข้าใจเลยว่าทำใมเหล่าเจ้าชายซึ่งเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าเมื่อเวลาจะออกบวชจึงให้ช่างตัดผมบวชก่อน ตัวเองยอมบวชทีหลังเพราะเป็น วินัยสงฆ์ ว่าผู้บวชทีหลัง(เรียกว่าอาวุโส) ต้องเคารพนับถือผู้บวชก่อน(เรียกว่าภัณเต) ทั้งนี้ก็เพื่อลดความถือตัว คุณจะเป็นใครมาจากไหนก็ช่าง เมื่อมาบวชแล้วก็ต้องเคารพกันตามลำดับการบวชก่อนหลัง
นับจากการบวชครั้งแรกเพื่ออุทิศบุญกุศลให้โยมแม่ ได้อยู่กุฏิจากบนพื้นที่สองพันไร่สมัยยังเป็นทุ่งนาฟ้าโล่งเมื่อปี 2528 เป็นช่วงระยะเวลา 3 อาทิตย์นั้น 19 ปีให้หลัง ในปี 2547 วัดพระธรรมกายได้วิวัฒนาการมาไกลมากแล้ว ตอนอยู่ญี่ปุ่นเมื่อตัดสินใจลาออกจากงานมาบวชนั้น หลวงพี่ได้ทำงานทางโลกมาถึงยี่สิบปีแล้ว ความตั้งใจของหลวงพี่ก็คือ มาบวชก็เพื่อจะได้พักจากงานหยาบ จะได้มานั่งสมาธิเยอะๆ ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องการบริหารงาน บริหารเงิน บริหารคนอีกต่อไป
หลวงพี่ไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังหนีเสือเพื่อมาเจอจระเข้
ยังไม่ทันอบรมหลักสูตรบุคลากรใหม่เสร็จดี หลวงพี่ก็ถูกชักนำให้เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำเอาแนวทางการบริหารสมัยใหม่มาปรับใช้ภายในวัดพระธรรมกาย(ซึ่งก็มีการบริหารงานที่ดีมากๆอยู่แล้ว) จึงต้องเข้าประชุมบ่อยมาก จะว่าไปก็คล้ายๆตอนก่อนมาบวชเลย ที่ต่างกันก็คือตอนอยู่ทางโลกมีหยุดพักเสาร์อาทิตย์ แต่อยู่ที่วัดไม่มีวันหยุด หลวงพี่รับบุญแนวนี้อยู่ตลอดหกพรรษาแรกของการบวช! (Oh my Buddha อยากอุทานแบบฝรั่งจริงๆ) แต่หลวงพี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะ เพราะถือหลักว่า ว่าอย่างไรว่าตามกัน อะไรที่หมู่คณะมอบหมายให้ทำก็ถือว่าเป็นบุญ
เมื่อประมาณพรรษาที่สองของการบวชทางวัดริเริ่มให้มีโครงการปฏิบัติธรรมระยะยาว พูดง่ายๆคืองานหลักคือการนั่งสมาธิ หลวงพี่อยากจะเข้าโครงการนี้ เอ่อ..มาก..ถึงมากที่สุด เพี่อนที่บวชพร้อมกันได้เข้าโครงการนี้หลายรูป แต่เพราะมีความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายจากหมู่คณะอยู่ ก็บอกตัวเองว่าเอาไว้รุ่นต่อๆไปค่อยสมัครเข้าโครงการนี้ก็แล้วกัน ภัณเตเยอะแยะที่ท่านบวชก่อนเราตั้งนานท่านก็ไม่มีโอกาสเหมือนกัน
นอกจากงานประจำในกองวางแผนและพัฒนาแล้ว (กองนี้มีหลวงพี่เป็นหัวหน้ากองคนแรกและคนสุดท้าย เพราะตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจ) บุญอดิเรกของหลวงพี่ก็คือการลงเทศน์สอนตามศูนย์ปฏิบัติธรรมต่างๆ (ซึ่งก็เหมือนกับพระรูปอื่นๆ) ตอนบวชใหม่ๆก็มีโอกาสได้เป็นพระพี่เลี้ยงในโครงการอุปสมบททั้งรุ่นปกติและรุ่นนานาชาติด้วย
มีเรื่องหนึ่งที่หลวงพี่ประทับใจไม่หายตอนอยู่พรรษาสาม ประมาณสิบนาฬิกาของวันหนึ่ง...ผู้ประสานงานโทรมาหา บอกว่า
"พระอาจารย์ของสำนักต่างประเทศ ติดธุระกันหมด มีชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง อยากมาฝึกนั่งสมาธิ อยากให้หลวงพี่ช่วย"
เมื่อหลวงพี่ไปถึงห้องที่ผู้ประสานงานจัดไว้ก็พบเด็กหนุ่มหน้าตาเหมือนคนจีนนั่งรออยู่ สอบถามได้ความว่าพ่อแม่เป็นคนจีนแต่ตัวเองเกิดในออสเตรเลีย จึงพูดอังกฤษสำเนียงออสซี่ชัดเปรี๊ยะ (ส่วนหลวงพี่ก็พูดภาษาอังกฤษสำเนียงคนไทยฟังสบายหู) เขาเล่าให้ฟังว่าตระเวนไปเรียนฝึกสมาธิมาหลายประเทศแล้ว ในที่สุดก็มีคนแนะนำให้มาวัดพระธรรมกาย หลวงพี่บอกเขาว่าวันนี้เวลาน้อยเพราะเดี๋ยวจะต้องไปฉันเพล หลวงพี่จะแนะนำการนั่งสมาธิโดยใช้คำสอนของหลวงปู่และหลวงพ่อ หลวงพี่แค่เปลี่ยนคำพูดของท่านเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ให้เขาหลับตาแล้วทำตามไปง่ายๆ เพียงแค่สิบห้านาทีหลวงพี่ก็ให้เขาค่อยๆลืมตาแล้วถามความรู้สึกของเขา เจ้าหนุ่มบอกว่า Amazing! ไม่นานนักหนุ่มน้อยคนนี้ก็มาบวชอยู่ที่วัดพระธรรมกายจนถึงบัดนี้แปดเก้าปีแล้ว!
ประมาณปี 2552 หลวงพี่ได้รับนิมนต์ให้ไปภูเก็ตเกือบทุกเดือนเพื่อนำชาวต่างชาตินั่งสมาธิในโครงการ Middle way meditation ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมภูเก็ต รู้สึกคล้ายๆย้อนยุคไปสมัยทำงานที่นั่งเครื่องบินไปสอนที่โน่นที่นี่ นอกจากนี้หลวงพี่ยังได้เยือนถิ่นเก่าคือสถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซีย (AIT) เพื่อเทศน์สอนให้แก่นักเรียนต่างชาติที่นั่นอีกหลายครั้ง .. คงไม่ค่อยมีใครรู้ว่าหลวงพี่เรียนจบมาจากสถาบันไหน ไม่อย่างนั้นคงได้มีโอกาสกลับไปเทศน์สอนรุ่นน้องบ้าง
ในปี 2553 หลังจากบวชได้หกพรรษา พระเดชพระคุณหลวงพ่อมีนโยบายให้จัดศูนย์บวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทั่วประเทศ โดยให้พระที่รับบุญอยู่ภายในวัดพระธรรมกายได้ออกไปเป็นหัวหน้าศูนย์ หน่วยงานที่หลวงพี่สังกัดอยู่นั้นได้รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง หลวงพี่เอาบัญชีรายชื่อจังหวัดที่สามารถเลือกไปได้มาดู ความคิดแว้บแรกที่ผุดขึ้นมาในใจก็คืออยากไปที่ไกลๆในป่าในเขา เสียดายที่ไม่ได้ดูแลภาคเหนือตอนบนไม่งั้นจะเลือกไปเชียงใหม่หรือแม่ฮ่องสอน ในที่สุดก็เลือกจังหวัดตาก แล้วอำเภออะไรดี? ดูรายชื่ออำเภอของจังหวัดตากแล้วก็เจอแม่สอด .. แต่เดี๋ยวก่อนเคยไปแม่สอดแล้ว มีที่ไหนไกลกว่านั้นมั้ย? .. มี ..
ความทรงจำตั้งแต่สมัยเด็กๆได้ยินชื่ออุ้มผางทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทยเป็นประจำ เพราะเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมูนิสต์แห่งประเทศไทย อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของความหนาวเย็น จะได้ยินชื่ออุ้มผางในข่าวพยากรณ์อากาศอยู่บ่อยๆ
และแน่นอนที่สุด เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ก่อนไปทำงานญี่ปุ่นหลวงพี่เคยจะขับรถไปเที่ยวอุ้มผางแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไปไม่ถึงสักที น้ำตกทีลอซูที่สวยที่สุดในประเทศไทยก็อยู่ที่นี่ แถมผืนป่าก็มีความอุดมสมบูรณ์จนขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย
และนี่คือโอกาสที่หลวงพี่จะไม่ต้องเข้าประชุมบ่อยๆเหมือนสมัยทำงานทางโลกอีกต่อไป (อ้าว เผลอบอกไปได้ยังไง?) จะได้ไปอยู่กับธรรมชาติป่าเขาแบบที่ชอบมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก
ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย หลวงพี่เลือกไปเป็นหัวหน้าศูนย์อบรมอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนที่จังหวัดตาก อำเภออุ้มผาง ..
หลวงพี่ไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจครั้งนี้ ถ้าชีวิตของหลวงพี่ในช่วงเกือบห้าสิบปีแรกที่ผ่านไปยังไม่น่าสนใจพอ จากนี้ไปมันจะโลดโผนยิ่งกว่านิยายบางเรื่องเสียอีก .. หลวงพี่กำลังจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพล หน่วยงานความมั่นคงของประเทศจะยกกำลังกันมาหาหลวงพี่เหมือนจะยกกำลังไปปราบคอมมูนิสต์ที่อุ้มผางเมื่อหลายสิบปีก่อน
.. Oh my Buddha ..
26 ส.ค. 2559 21:37
โดยพระธาดา จรณธโร
ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์
(องค์กรสาธารณประโยชน์)
(องค์กรสาธารณประโยชน์)
อ่านบทนำ - บทที่ 6ได้ที่
http://buddhisthotissue.blogsp ot.jp/2016/08/series_1.html
อ่านบทที่ 7 : ชีวิตคือการเดินทาง ได้ที่
อ่านบทที่ 8 : Been there .. Done that ..
http://buddhisthotissue.blogspot.sg/2016/08/8-been-there-done-that-series.html
อ่านบทที่ 9 : My way
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/9-my-way-series.html
อ่านบทที่ 10 : ซาโยนาระ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/10-series.html
อ่านบทที่ 11 : ชีวิตใหม่...ในเพศสมณะ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/11-series.html
อ่านบทที่ 9 : My way
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/9-my-way-series.html
อ่านบทที่ 10 : ซาโยนาระ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/10-series.html
อ่านบทที่ 11 : ชีวิตใหม่...ในเพศสมณะ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/11-series.html
อนุโมทนาบุญกับหลวงพี่นะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบอนุโมทนา กับพระอาจารย์ธาดา ด้วยครับ สาธุ
ตอบลบชีวิตสมณะของลพ.ธาดาเป็นอะไรที่สูงส่งมีคุณค่ายิ่งนัก เสียสละค.สะดวกสบายทางโลก เอาชีวิตเป็นเดิมพันไปอยู่ป่าเขา ช่างกล้าหาญสมเป็นพุทธบุตรเดินตามรอยพระบรมศาสดา..สาธุการ ปลื้มด้วยคนค่ะ
ตอบลบสุดยอดเจ้าค่ะ
ลบชีวิตสมณะของลพ.ธาดาเป็นอะไรที่สูงส่งมีคุณค่ายิ่งนัก เสียสละค.สะดวกสบายทางโลก เอาชีวิตเป็นเดิมพันไปอยู่ป่าเขา ช่างกล้าหาญสมเป็นพุทธบุตรเดินตามรอยพระบรมศาสดา..สาธุการ ปลื้มด้วยคนค่ะ
ตอบลบคนทำดีต้องได้ดีไม่ต้องกลัว
ตอบลบคนทำชั่วชอบทำชั่วต้องกลัวกว่า
คนทำดีมีความสุขสมอุรา
คนชั่วช้าหาแต่ทุกข์สุขหายไป
คนทำดีย่อมได้ดีมีอยู่ทั่ว
คนทำชั่วย่อมได้ชั่วมั่วอยู่ได้
คนทำดีมีความสุขสบายใจ
คนชั่วไร้ไม่มีสุขตลอดกาล
คนทำดีจึงได้ดีที่สุดชัวร์
คนทำชั่วจึงได้ชั่วน่าสงสาร
คนทำดีมีที่สุดคือนิพพาน
คนชั่วมารอวสานสู่โลกันต์...
ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ
ตอบลบขอกราบอนุโมทนาบุญคร้า ^^
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับหลวงพี่ทุกรูปค่ะ
ตอบลบขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุๆๆ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ค่ะ
ตอบลบขอกราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ด้วยเจ้าค่ะ
ตอบลบติดตามอ่านค่ะ
ตอบลบAmazing..
ตอบลบหากเราดีโดยแน่ชัดแล้ว ควรปลื้มปีติในสิ่งนั้น แม้ว่าจะมีใครหาเรื่องต่าง ๆ นานา ก้อควรปล่อยไปตามกระแสโลก แล้วเดินหน้าสร้างบุญบารมีต่อไป
ตอบลบwaiting the next topic
ตอบลบพระอาจารย์ธาดา เทศน์สนุก เนื้อหาสาระมีประโยชน์เหมือนได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย จะติดตามอ่านต่อนะครับ
ตอบลบธรรมะย่อมชนะอธรรม
ตอบลบธรรมะย่อมชนะอธรรม
ตอบลบสนุกมากครับรออ่านต่อครับ
ตอบลบสนุกมากครับรออ่านต่อครับ
ตอบลบหลวงพี่สร้างประโยชน์แก่งานพระศาสนาอย่างมาก ขอกราบอนุโมทนาด้วยค่ะ
ตอบลบOh my Buddha ใช่คะพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่แท้จริงของเราเสมอค่ะ
ตอบลบ555
ตอบลบบุญศักดื์สิทธิ์เหนือสรรพสิ่งทั้งมวล..
ตอบลบสาธุ...เจ้าค่ะ
ตอบลบอนุโมทนากับหลวงพี่ด้วยเจ้าค่ะ
ตอบลบ...พวกด่าพระ ตำหนิพระ คือพวกที่เลือกจะตายจากความดี ห่างจากสวรรค์และสุคติ ซะเอง... เขาเลือกเอง!!!!
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับ พระอาจารย์ด้วยครับ..สาธุครับ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ในทุกๆบุญเจ้าค่ะ
ตอบลบกราบนมัสการ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับสาธุ
กราบอนุโมทนาบุญครับ
ตอบลบอนุโมทนาบุญทุกๆบุญด้วยครับพระอาจารย์
ตอบลบสาธุครับ
ตอบลบคิดถึงงานเขียนของพระอาจารย์ค่ะ ได้อ่านแล้วปลื้มใจในพลังใจและความมุ่งมั่นของพระอาจารย์ ขอกราบถวายกำลังใจพระอาจารย์ให้ต่อสู้ต่อไปค่ะ กราบนมัสการมาด้วยความเคารพยิ่ง
ตอบลบทำดีมาตลอดไม่ได้สร้างภาพลวงตาคนก็ต้องได้ดีมันแน่อยู่แล้ว
ตอบลบสาธุๆๆ เจ้าค่ะ สุดยอดดดดด เจ้าค่ะ
ตอบลบสาธุๆๆ เจ้าค่ะ สุดยอดดดดด เจ้าค่ะ
ตอบลบถวายกำลังใจเจ้าค่ะ เราจะดูแลพระศาสนาด้วยกัน
ตอบลบสาธุครับพระอาจารย์ อดีตท่านมีความสามารถในทางโลก แต่ปัจจุบัน ท่านมีความสามารถในทางธรรม เราชาวพุทธต้องสนับสนุนท่านให้เต็มที่เอย.
ตอบลบอนุโมทนาบุญกับหลวงพี่ เเละคณะสงฆ์ท่กรูปครับ สาธุๆๆครับ
ตอบลบสาธุค่ะ
ตอบลบกราบนมัสการอนุโมทนาบุญสาธุค่ะ
ตอบลบกราบนมัสการอนุโมทนาบุญสาธุค่ะ
ตอบลบ