โดยพระธาดา จรณธโร
ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์ (องค์กรสาธารณประโยชน์)
......................................
คืนวันนั้นหลวงพี่พักค้างที่ศูนย์โตเกียว (ก็คืนอพาร์ทเม้นท์ไปแล้ว จะไปเช่าโรงแรมนอนก็ใช่ที่) แต่เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนบวช จึงนั่งสมาธิทั้งคืนไม่ได้เอนหลังเลย
พูดถึงการนั่งสมาธิทั้งคืนหรือการอยู่ในอิริยาบถสาม ยืนเดินนั่งไม่นอนนั้น คือการสมาทานธุดงค์ข้อเนสัชชิกังคัง เรียกกันสั้นๆว่าเนสัชฯ เป็นข้อปฏิบัติอย่างยิ่งยวดอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนาเพื่อเผาผลาญกิเลสให้เร่าร้อน
เนสัชชิกังคะ เป็นหนึ่งในธุดงค์วัตร 13 |
มาช่วงสุดท้ายก่อนบวชตอนอยู่ญี่ปุ่นนี่เอง ที่หลวงพี่ฝึกจนสามารถนั่งสมาธิทั้งคืนได้โดยไม่ต้องเอนหลัง(ไม่ใช่เพราะสมาธิดีมากมายอะไร อาศัยความอดทนและความเพียรเป็นหลัก) แต่จะทำเฉพาะในวันพระใหญ่คืนพระจันทร์เต็มดวง และนานๆครั้งเท่านั้น ไม่ได้ทำบ่อยๆ
เช้าขึ้นมาวันที่ 19 ก็นั่งรถไฟไปสนามบิน (ที่จำวันที่ได้แม่นเพราะมีตราประทับที่พาสพอร์ทเล่มนั้นซึ่งยังเก็บไว้อยู่) แล้วนั่งเครื่องบินมาเมืองไทย ตอนนั้นเครื่องยังมาลงที่ดอนเมือง เพราะสุวรรณภูมิยังไม่เปิดใช้ จำได้ว่าคิดจะเข้าไปทำธุระบางอย่างที่ในกรุงเทพฯ แต่แล้วก็เกิดความคิดขึ้นว่า อุตส่าห์ลาออกจากงานจะมาบวช ถ้าเกิดไปโดนรถชนตายในกรุงเทพฯ อดบวชละก็ผิดแผนหมดเลย ว่าแล้วก็ตัดใจเรียกแท็กซี่เข้าวัดมารายงานตัวเข้าโครงการทันที
ตัดใจ ไม่ไปทำธุระในกรุงเทพฯ ตัดสินใจเรียก taxi เข้าวัดรายงานตัวทันที |
ยังจำความรู้สึกคืนแรกของการเป็นธรรมทายาทได้
มันคือการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมแบบกระทันหัน จะบอกว่าคล้ายเอาปลาน้ำจืดไปปล่อยทะเลก็อาจจะเกินไป แต่คงทำให้พอเห็นภาพ ทางโครงการอนุญาตให้มีข้าวของส่วนตัวได้แค่หนึ่งกล่องเล็กๆเท่านั้น ส่วนที่พักนั้นก็อยู่รวมกัน มีพื้นที่ให้ธรรมทายาทแต่ละคนกว้างประมาณเมตรเศษๆ คืนแรก(และคืนถัดๆมาและแทบทุกคืนจนถึงปัจจุบันนี้)อากาศร้อนอบอ้าวมาก นอนแทบไม่หลับ แถมยังมีเสียงกรนของเพื่อนธรรมทายาทอีก ก็นึกถึงว่าสองคืนที่แล้วนี่เอง เรายังอยู่ในอพาร์ทเมนท์ส่วนตัว กว้างขวางสบายสุดๆ แต่แล้วก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป
หลวงพี่ทำตัวว่านอนสอนง่าย ให้ความเคารพพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง |
เพราะเคยเป็นมาทั้งลูกน้องและผู้บังคับบัญชา จึงรู้ดีว่าอะไรจะปวดหัวเท่าหัวหน้าที่เจอลูกน้องดื้อไม่เชื่อฟังคำสั่งนั้นเป็นไม่มี หลวงพี่จึงพยายามปฏิบัติตามคำแนะนำของพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง แม้ว่าด้วยอายุทางโลกแล้วท่านยังอายุน้อยๆกันแทบทั้งนั้น แต่จำได้ว่าเคยได้ยินหลวงพ่อเทศน์ที่ใดที่หนึ่งว่าคนที่สามารถออกบวชก่อนเราได้แสดงว่าบุญของท่านมีมากกว่าเรา อีกอย่างเพื่อนๆธรรมทายาทที่เข้ามารายงานตัวก่อนหน้านั้นก็ล้วนแต่ทำตัวว่านอนสอนง่าย ไม่ถือเนื้อถือตัว ว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน
ภายหลังจึงมารู้ว่าเพื่อนๆที่มาอบรมด้วยกันในรุ่นนี้นั้น ล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา เป็นนักธุรกิจก็เยอะ เป็นผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆก็แยะ เป็นข้าราชการระดับสูงก็มาก ทุกคนล้วนตั้งใจมาบวชบูชาธรรม 60 ปีพระเดชพระคุณหลวงพ่อกัน ซึ่งก็ทำให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านปลื้มเป็นพิเศษถึงกับตั้งชื่อธรรมทายาทรุ่นนี้ว่ารุ่น”เนื้อนาบุญ” มีบางครั้งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมาเยี่ยมถึงไซท์อบรม ซึ่งเหล่าธรรมทายาทก็ต่างมีความปลื้มปีติกันเป็นอย่างมาก
ช่วงแรกของการอบรมจะเน้นที่ การฝึกระเบียบลุกนั่งกราบไหว้ การท่องบทขานนาคและพิธีกรรมงานบวช เตรียมตัวเป็นพระแท้เป็นเนื้อนาบุญให้ญาติโยม
เมื่อถึงวันขอขมาผู้ปกครองเพื่อบรรพชาเป็นสามเณร หลวงพี่แอบคิดว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านคงจะปลื้มมากที่ลูกชายของท่านกำลังจะได้บรรพชาอุปสมบท
แล้วก็มาถึงวันที่สำคัญที่สุดคือวันอุปสมบทซึ่งตรงกับวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2547 มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงสุดในชีวิตที่หลวงพี่ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่อุโบสถวัดพระธรรมกาย โบสถ์หลังนี้แหละที่ตระหง่านสง่างามสะดุดตาหลวงพี่ตั้งแต่ย่างเท้าก้าวแรกมาถึงวัดพระธรรมกายเมื่อปลายปี 2526 ผ่านไป 21 ปี หลวงพี่ก็ได้มาอุปสมบทถูกต้องตามพุทธาณุญาตภายในโบสถ์หลังนี้
จะมีความปลื้มใด ..... เทียบได้กับ
ความปลื้มที่ถูกคณะสงฆ์สวดญัตติจตุถกรรม
ยกฐานะจากสามเณรขึ้นเป็นพระภิกษุนั้น
ไม่มีอีกแล้ว
......................................
คลิ๊ก ฟังเพลง ชีวิตสมณะ
จากเรือนเหมือนนกที่จากคอน
ไม่อาวรณ์ เมื่อจรจากมา
สร้างชีวี ให้มีคุณค่า
แสวงหาแต่หนทางพระนิพพาน
มีผ้าแค่เพียงสามผืน
ทั้งหลับตื่นมีแต่ความชื่นบาน
สมบัติมีแต่อัฐบริขาร
เลี้ยงสังขารด้วยอาหารสาธุชน
ฝึกตนทนหิวบำเพ็ญตบะ
ด้วยคันถะวิปัสสนาทุกแห่งหน
รักธรรมะวินัย ยิ่งกว่าชีวิตตน
หวังหลุดพ้นวัฏฏะ ชนะมาร
เที่ยวจาริกทำประโยชน์ให้กับโลก
ดับทุกข์โศกโรคทางใจในสังสารฯ
ดั่งอาทิตย์สลายมืดห้วงจักรวาล
ทุกส่ำสัตว์สุขสราญด้วยธรรมกาย
นี่แหละคือชีวิตสมณะ
ที่สละกายใจน้อมถวาย
แด่องค์พระสัมมา ตราบจนกว่าชีพวาย
มุ่งทำงานถึงวันสุดท้าย ชนะมาญ
......................................
18 ส.ค. 2559 20:46
โดยพระธาดา จรณธโร
ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์
(องค์กรสาธารณประโยชน์)
(องค์กรสาธารณประโยชน์)
อ่านบทนำ - บทที่ 6ได้ที่
http://buddhisthotissue.blogsp ot.jp/2016/08/series_1.html
อ่านบทที่ 7 : ชีวิตคือการเดินทาง ได้ที่
อ่านบทที่ 8 : Been there .. Done that ..
สาธุครับ
ตอบลบ"จะมีความปลื้มใด ..... เทียบได้กับความปลื้มที่ถูกคณะสงฆ์สวดญัตติจตุถกรรมยกฐานะจากสามเณรขึ้นเป็นพระภิกษุนั้นไม่มีอีกแล้ว" พระอาจารย์โชคดี มีบุญ ที่ได้รู้จักอารมณ์นี้ อนุโมทนาค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับ หลวงพี่ธาดา จรณธโร ในทุกๆบุญด้วยความเคารพยิ่งเจ้าค่ะ กราบสาธุๆๆ
ตอบลบถึงเวลาขุนพลกล้าต้องลุกขึ้นสู้..#/เพื่อกอบกู้ธาตุธรรมนำวิถี..
ตอบลบ#ด้วยเกิดมาหาญกล้าสร้างบารมี..#เป้าหมายนี้สู่ที่สุดธาตุธรรมเทอญ
#สู้ต่อไปจนกว่าจะถึงเส้นชัยที่รับมา
💐🙏🙏🙏
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญเเละขอเป็นกำลังใจให้หลวงพี่เจ้าค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ธาดาค่ะ
ตอบลบชีวิตสมณะคือชีวิตที่ประเสริฐ ปลอดโปร่ง ปราศจากกังวล มีเวลาปฏิบัติธรรมมาก ขอเชิญชายแมน ๆ มาบวชกันนะครับ
ตอบลบดีครับ
ตอบลบเป็น_FC รออ่าทุกตอนครับ. หายไปนานเลย🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ตอบลบสาธุ
ตอบลบสาธุ
ตอบลบ...พระทุกรูปกว่าจะมาบวชเป็นพระวัดนี้ได้..ต้องผ่านอะไรมาเยอะจิงๆคับ..เหอะๆๆๆ
ตอบลบ...ใครไม่ถอดเขี้ยวเล็บ..อยู่เป็นพระวัดนี้ยาก!! ..นี่แหละ..ความเป็นระบบ เข้มงวด..ที่น่าภูมิใจเมื่อผ่านมาได้..และน่าปลื้มใจเมื่อหวนนึกถึง!!
บทความนี้ดีมากๆ อ่านแล้วมีกำลังใจทำให้หลายคนอยากบวชพระอาจารย์ครับ
ตอบลบสาธุค่ะ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ!
ตอบลบพระสงฆ์ที่ทำความดีเพื่อพระพุทธศาสนา
เราต้องช่วยกันสนับสนุนค่ะ
สาธุค่ะ พระสงฆ์ที่เป็นพระนักพัฒนาย่อมนำความเลื่อมใสศรัทธาแก่สาธุชนค่ะ
ตอบลบสาธุค่ะ พระสงฆ์ที่เป็นพระนักพัฒนาย่อมนำความเลื่อมใสศรัทธาแก่สาธุชนค่ะ
ตอบลบสาธุ
ตอบลบสาธุ
ตอบลบสาธุครับ
ตอบลบอนุโทนาบุญ สาธุ
ตอบลบขอกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ธาดานะค่ะ ชีวิตของหลวงพี่สุดยอดจริงๆค่ะ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญค่ะ ... เป็นชีวิต ที่มีคุณค่ามากค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาสาธุ กับความตั้งใจมั่นแน่วแน่ ของพระอาจารย์ ที่ตั้งใจบวชอุทิศชีวิตให้พระศาสนานะครับ..สาธุครับ
ตอบลบกราบอนุโมทนาสาธุ กับความตั้งใจมั่นแน่วแน่ ของพระอาจารย์ ที่ตั้งใจบวชอุทิศชีวิตให้พระศาสนานะครับ..สาธุครับ
ตอบลบสาธุๆๆค่ะ
ตอบลบหนูชอบอ่านงานเขียนของพระอาจารย์มากเลยค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ
กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุครับ
ตอบลบนิสัยคนพาลเป็นคนที่มีใจขุ่นมัวเป็นปกติ เป็นผลให้มีความเห็นผิด ยึดถือค่านิยมผิดๆ และมีวินิจฉัยเสีย คือไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควร อะไรไม่ควร
ตอบลบเป็นชีวิตที่ประเสริฐมากเจ้าค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
ตอบลบหลวงพี่ไม่ถนัดทางกฎหมายจึงเปิดช่องให้เขาตีเอาได้แต่ใจหลวงพี่ดีน่าเห็นใจจริงๆครับแต่ผิดก็คือผิดอยู่ดีต้องทำให้ถูกต้องเป๊ะๆจริงๆยุคนี้
ตอบลบถวายกำลังใจเจ้าค่ะ
ตอบลบถวายกำลังใจเจ้าค่ะ
ตอบลบรออ่านเรื่องนี้นานมากๆค่ะคิดว่า ลพ เลิกเขียนซะแล้ว
ตอบลบสาธุๆๆ ขออนุโมทนาบุญครับ
ตอบลบวิสัยของบัณฑิต ย่อมไม่เสียเวลาไปทะเลาะกับใคร ขอเพียงความมุ่งมั่นในการฝึกฝนอบรมตนเอง ให้มีความสะอาดบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจ และบำเพ็ญประโยชน์ตนและส่วนรวมให้ถึงพร้อม ดังนั้น ใครจะกล่าวหาอย่างไร ก็เป็นธรรมดาของ "โลกธรรม 8 ประการ" บัณฑิตจึงไม่หวั่นไหวในโลกธรรมดังกล่าว และเดินหน้าสร้างบุญกุศลความดี สร้างบุญบารมีต่อไปฯ
อ่านทุกตอน เขียนได้ดี ได้ความรู้และน่าติดตาม จะตามอ่านทุกตอนครับ
ตอบลบ🙏🏻🙏🏻🙏🏻👍🌷💥🌺😍🌼😁💛สาธุเจ้าค่ะ
ตอบลบมีหน้าที่ แยกกันทำ สำเร็จก็ชนะร่วมกัน เพราะเราใช้ซอฟท์แวอร์เดียวกัน เป้าหมายไม่ไกลเกินจริง
ตอบลบ"นี่แหละคือชีวิตสมณะ
ตอบลบที่สละกายใจน้อมถวาย
แด่องค์พระสัมมา ตราบจนกว่าชีพวาย
มุ่งทำงานถึงวันสุดท้าย ชนะมาญ"
กราบอนุโมทนาบุญ...ในเส้นทางการส้างบารมีใต้ร่มผ้ากาสวพัสตร์...สาธุเจ้าค่ะ
"นี่แหละคือชีวิตสมณะ
ตอบลบที่สละกายใจน้อมถวาย
แด่องค์พระสัมมา ตราบจนกว่าชีพวาย
มุ่งทำงานถึงวันสุดท้าย ชนะมาร"
กราบอนุโมทนาบุญ...ในเส้นทางการส้างบารมีใต้ร่มผ้ากาสวพัสตร์...สาธุเจ้าค่ะ
ชนะอะไรไม่เท่าชนะกิเลสในใจตน ชีวิตสมณะเป็นชีวิตที่ประเสริฐ และน่าภาคภูมิใจที่สุด ขอกราบอนุโมทนาบุญพระอาจารย์ด้วยค่ะ
ตอบลบติดตามอนุโมทนาบุญค่ะ
ตอบลบสาธุค่ะมีอิทธิพลในการฆ่ากิเลศประเสริฐค่ะ
ตอบลบการบวชเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับลูกผู้ชายบวชเถอะค่ะ
ตอบลบเป็นกำลังใจให้หลวงพี่เจ้าค่ะ เดินทางที่ถูกต้องแล้ว สู้เจ้าค่ะ
ตอบลบสาธุ
ตอบลบสาธุค่ะ
ตอบลบสาธุๆๆค่ะ ท่านเกิดมาเพื่อกอบกู้พระพุทธศาสนาจริงๆ
ตอบลบสาธุๆๆค่ะ ท่านเกิดมาเพื่อกอบกู้พระพุทธศาสนาจริงๆ
ตอบลบสาธุ
ตอบลบกราบขอบพระคุณหลวงพี่ที่สละชีวิตที่สะดวกสบายทางโลก มาสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ เข้าสู่หนทางธรรม ด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ
ตอบลบ