ICHICO ICHICO Author
Title: บทที่ 14 อุ้มหัวใจไป...อุ้มผาง (เขาว่าหลวงพี่เป็น...ผู้มีอิทธิพล The series)
Author: ICHICO
Rating 5 of 5 Des:
บทที่ 14  :  อุ้มหัวใจไป...อุ้มผาง เขาว่าหลวงพี่เป็น...ผู้มีอิทธิพล โดยพระธาดา จรณธโร  ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์  (องค์กรสาธารณประโยช...
บทที่ 14  :  อุ้มหัวใจไป...อุ้มผาง

เขาว่าหลวงพี่เป็น...ผู้มีอิทธิพล

โดยพระธาดา จรณธโร 
ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์ (องค์กรสาธารณประโยชน์)
......................................


          (หมายเหตุ คงสังเกตกันว่าหลวงพี่พยายามหลีกเลี่ยงไม่พาดพิงถึงบุคคลอื่นโดยชื่อตรงๆ เลยนับแต่เขียนบันทึกนี้ขึ้น มันเป็นความตั้งใจ และก็จะพยายามอย่างถึงที่สุดให้อยู่ในแนวทางนี้)

          ต้นเดือนเมษายนปี 2553 ก่อนเดินทางขึ้นอุ้มผาง หลวงพี่นัดพบกับผู้นำบุญ(คือคำเรียกสาธุชนผู้ที่ทุ่มเททำหน้าที่ช่วยงานวัด ทำหน้าที่กัลยาณมิตรชักนำหมู่ญาติมาสั่งสมบุญ) ซึ่งอยู่แม่สอดท่านหนึ่งที่วัดพระธรรมกาย โยมป้าท่านนี้แหละที่เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ช่วยหลวงพี่ทำงานพระศาสนาที่อุ้มผางตลอดมา จากนี้ไปหลวงพี่จะเขียนถึงท่านว่า.. โยมป้าจากแม่สอด ถึงวันเดินทางน้องผู้ประสานงานเช่ารถขนอุปกรณ์การอบรมไปพักที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่แม่สอด พอคนขับรถรู้ว่าปลายทางคืออุ้มผางเท่านั้นก็มีปัญหาทันที อิดออดสารพัดเพื่อจะหาเหตุไม่ไปส่งที่อุ้มผาง จนต้องเปลี่ยนรถ หลวงพี่ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรขนาดนั้น ตอนอยู่แม่สอดก็ได้พบกับผู้นำบุญอีกหลายท่านนอกจากโยมป้าคนแรก หลวงพี่ก็พูดเชิญชวนผู้นำบุญเหล่านั้นว่าว่างๆ ก็ไปช่วยหลวงพี่ที่อุ้มผางบ้าง แต่ทุกคนยิ้มแปลกๆราวกับว่าอุ้มผางนั้นอยู่อีกประเทศหนึ่ง และไม่มีใครรับคำชวนของหลวงพี่เลย ...หลวงพี่ชักเริ่มตงิดๆว่ามันน่าจะมีอะไรไม่ธรรมดาเกี่ยวกับเดินทางไปอุ้มผางเสียแล้ว

.....................

           ถ้าจำไม่ผิดหลวงพี่ขึ้นอุ้มผางครั้งแรกโดยนั่งในที่นั่งแคบๆหลังเบาะหน้าของรถกระบะสองประตู สาเหตุก็เพราะมีพระไปสองรูปนับหลวงพี่ด้วย จึงให้น้องผู้ประสานงานผู้หญิงนั่งข้างหน้า นั่นเป็นครั้งแรกที่หลวงพี่ได้พิชิตเส้นทางลอยฟ้า 1,219 โค้ง แม้จะเห็นวิวไม่ชัดนักเพราะตำแหน่งที่นั่ง แต่สองข้างทางของเส้นทางสายนี้ก็ทำให้หลวงพี่ตื่นตาตื่นใจทีเดียว ถนนสายนี้มีโค้งหักศอกมากมายเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงเดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา ถ้าคนไม่คุ้นเคยกับเส้นทางแบบนี้คงเมารถสะบักสะบอมแน่ แต่นี่แหละคือแบบที่หลวงพี่ชอบ



เส้นทาง 1,219 โค้งของถนนลอยฟ้า



         เท่าที่สอบถามสืบทราบมา เส้นทางสายนี้เริ่มเปิดใช้ประมาณปี 2526 ปีเดียวกันกับที่หลวงพี่ไปถึงวัดพระธรรมกายนั่นเอง ก่อนหน้าที่ถนนสายนี้จะเปิดใช้งาน การเดินทางไปอุ้มผางนิยมไปทางหมู่บ้านวาเล่ย์ ที่อำเภอพบพระตัดลัดเข้าไปในพม่าแล้วไปออกที่หมู่บ้านหนองหลวงของอำเภออุ้มผาง ถ้านึกถึงพื้นที่รูปใบหู เส้นทางลัดสายนี้ก็คือเส้นที่หูแปะติดกับศรีษะนั่นแหละ ส่วนถนนสายลอยฟ้าคือถนนที่คดเคี้ยวยึกยืออยู่บริเวณเส้นรอบใบหู


แผนที่ภาคเหนือ

           การยืมจมูกเพื่อนบ้านหายใจตลอดไปก็คงไม่ค่อยจะดีนัก อีกทั้งมีการรบพุ่งกันระหว่างทหารพม่ากับทหารกะเหรี่ยงเป็นระยะๆ ทางการไทยก็ต้องขนอาวุธยุทโธปกรณ์ไปปราบคอมมูนิสต์ จะขนอาวุธผ่านประเทศอื่นเพื่อไปปราบพวกเดียวกันในประเทศตัวเองมันก็คงจะแปลกๆ จึงได้สร้างเส้นทางสายนี้ขึ้น ว่ากันว่าการสร้างเส้นทางสายนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากเพราะความธุรกันดารของภูมิประเทศแล้ว ยังเป็นเพราะการต่อต้านอย่างหนักของคอมมูนิสต์โดยเฉพาะจากทหารแม้วแดง (ภายหลังเรียกว่าชาวม้ง) กำลังทั้งสองฝ่ายสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อเป็นอย่างมาก จนต้องใช้วิธีการเอาพริกจิ้มเกลือด้วยการว่าจ้างทหารจีนฮ่อมารับเหมาสร้างทาง ทหารจีนฮ่อนี้ก็คืออดีตกองพลที่ 93 ของกองทัพจีนคณะชาติที่ตอนหลังหนีเหมาเจ๋อตุงไปใต้หวันนั่นเอง (เห็นไหม เรียนประวัติศาสตร์แล้วมันสนุกอย่างนี้) จีนฮ่อเจอกับแม้วแดงก็นับว่าเป็นมวยถูกคู่

ชาวจีนฮ้อ



         ว่ากันว่าการว่าจ้างทำถนนเส้นนี้นั้นเหมากันเป็นกิโลเมตร ซึ่งหลวงพี่คิดเองว่านี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำใมถนนมันถึงได้วกวนขึ้นลงไม่รู้จบ เพราะอาจจะทำให้ได้ระยะทางยาวขึ้นรึเปล่า? (อันนี้จินตนาการเองอย่าเอาไปอ้างอิงนะ) ก็เส้นวาเล่ย์-หนองหลวงนั้นระยะทางไม่กี่สิบกิโล ในหน้าแล้งเมื่อเกรดถนนลูกรังให้เรียบแล้ว วิ่งแค่ชั่วโมงเศษก็ข้ามประเทศพม่าได้ ติดนิดเดียวคือต้องวิ่งลุยข้ามแม่น้ำเมย ทำให้รถเตี้ยๆวิ่งผ่านไม่ได้ แต่พอมาขึ้นทางลอยฟ้านี้ระยะทางกลายเป็นร้อยกว่ากิโล แถมเจออีก 1,219 โค้ง ทำให้การเดินทางจากแม่สอดถึงอุ้มผางโดยเส้นทางสายนี้มีระยะทาง 163 กิโลเมตร และใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงสำหรับผู้ไม่คุ้นทาง


อุ้มผาง อ้อมกอดแห่งผืนป่า บรรยากาศหมู่บ้านชาวเขา
         
          ตอนนี้เองที่หลวงพี่เข้าใจว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เมื่อออกจากแม่สอดตอนบ่ายจะไปเที่ยวน้ำตกทีลอซู เมื่อจอดถามใครเขาก็ตอบเหมือนกันหมดว่าไปไม่ทัน และก็เข้าใจผู้นำบุญที่แม่สอดว่าทำใมไม่มีใครรับปากมาช่วยหลวงพี่ที่อุ้มผางเลย 4 ชั่วโมงนี่ปกติขับรถวิ่งข้ามได้หลายจังหวัดทีเดียว 

           ก็ลองคำนวณดูถ้าออกจากกรุงเทพขับสบายๆ ประมาณห้าชั่วโมงจะถึงจังหวัดตากตรงทางเลี้ยวไปแม่สอด จากนั้นก็ใช้เวลาอีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงแม่สอด แม้ระยะทางช่วงนี้จะประมาณแค่แปดสิบกิโลเมตรก็ตาม เพราะเป็นทางบนเขาค่อนข้างคดเคี้ยว บางช่วงต้องชลอตัวรอแซงรถบันทุกซึ่งคืบคลานขึ้นดอยอยู่ รวมเป็นหกชั่วโมงเศษ บวกอีกสี่ชั่วโมงจึงจะถึงอุ้มผาง เมื่อบวกกับเวลาพักทานอาหารเข้าห้องน้ำรายทางอีกก็ประมาณสิบเอ็ดสิบสองชั่วโมงทีเดียว! จึงเป็นอย่างที่หลวงพี่เกริ่นไว้ในบทนำ ...จากตากลงกรุงเทพฯใช้เวลาแค่สี่ห้าชั่วโมง แต่จากตากไปอุ้มผางนั้นเกินห้าชั่วโมงแน่นอน ทั้งๆที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน...


          ตลอดเวลาหกปีที่หลวงพี่อยู่ที่อุ้มผางมีผู้ไปเยี่ยมเยียนหลวงพี่มากหน้าหลายตาด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะไปครั้งเดียว จนกระทั่งหลวงพี่ชอบพูดกึ่งหยอกเล่นว่า จะดูว่าใครรักหลวงพี่จริงต้องดูว่าคนนั้นไปเยี่ยมหลวงพี่ถึงอุ้มผางครบสามครั้งหรือยัง



          
           ในอดีตทางการไทยมีโครงการตัดถนนยุทธศาสตร์อีกเส้นหนึ่งหมายเลข 1117 จากอำเภอคลองลานจังหวัดกำแพงเพชรตัดข้ามภูเขามาลงที่อุ้มผางเลยเพื่อไปปราบผกค.  ถนนสายนี้วิ่งขึ้นไปถึงจุดท่องเที่ยวที่เรียกว่าช่องเย็นและเลยลงมาอีกหน่อยนึง ปัจจุบันเส้นทางสายนี้ก็ยังใช้การได้ดี อีกแค่ไม่กี่กิโลเมตรก็จะถึงหมู่บ้านอุ้มผางคีแล้ว ปรากฏว่าคอมมูนิสต์ยอมแพ้เสียก่อน ทางการจึงยกเลิกการสร้างเส้นทางสายนี้ด้วยเหตุที่ว่าเกรงจะเป็นการทำลายธรรมชาติป่าเขาและรบกวนวิถีชีวิตของสัตว์ป่า

แผนที่ท่องเที่ยวจ.ตาก

          ข้อนี้หลวงพี่มีความเห็นต่าง ป่าเขามากมายไม่มีถนนตัดผ่านมันก็ถูกทำลาย ในขณะที่อย่างในประเทศญี่ปุ่น ทุกหนทุกแห่งในป่าในเขามีแต่ถนนโยงใยกันเป็นใยแมงมุมแต่ญี่ปุ่นก็สามารถรักษาธรรมชาติป่าเขาต้นไม้สายน้ำได้เป็นอย่างดี 

          ส่วนเรื่องของสัตว์ป่าตรงไหนเป็นเส้นทางที่สัตว์ป่าใช้สัญจรก็อาจจะยกถนนขึ้นสูง หรือขุดอุโมงค์หลบไปเลย อย่างนี้ธรรมชาติและความเจริญ มนุษย์และสัตว์ป่าก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ถ้ามองในด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ปัจจุบันต้องบอกว่าอุ้มผางเป็นซอยตัน เข้าทางไหนก็ต้องออกทางนั้น (ชาวแม่สอดอาจบอกว่าก็ดีไง ผ่านบ้านฉันทั้งไปและกลับ) แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่งนี่คือเหตุที่คนไปเที่ยวอุ้มผาง(และผ่านแม่สอด)น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะการเดินทางมันยากลำบากเกินควร ถ้าใช้ถนนเส้น 1117 นี้เดินทางได้ ไม่แน่ว่าคนจะเดินทางไปอุ้มผางและผ่านแม่สอดมากขึ้น เพราะสามารถเดินทางเป็นวงกลมได้ จากนครสวรรค์เบี่ยงซ้ายเที่ยวอุทยานแม่วง อีกหน่อยเดียวก็ถึงช่องเย็น แล้วแวะไปอุ้มผาง จากนั้นก็พิชิตเส้น 1,219 โค้งไปแม่สอด ออกตากกลับกรุงเทพฯผ่านทางกำแพงเพชร 


อุ้มผาง อ้อมกอดแห่งขุนเขา


          อีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ไม่ทราบว่ามีใครเก็บสถิติไว้บ้างไหมว่ามีผู้ป่วยหนักได้รับความทรมาณหรือเสียชีวิตบนทางลอยฟ้าไปเท่าไหร่แล้ว? อุ้มผางมีโรงพยาบาลก็จริงแต่มีขีดความสามารถจำกัด ผู้ป่วยหนักต้องส่งไปโรงพยาบาลแม่สอดผ่านทางลอยฟ้า 1,219 โค้งเท่านั้น ..

         อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องการปกครอง จังหวัดตากเป็นจังหวัดที่ยาวที่สุด ด้านบนติดกับแม่ฮ่องสอนส่วนด้านใต้ติดกับกาญจนบุรี หลวงพี่อยู่อุ้มผางหกปี จำได้ว่ามีผู้ว่าราชการจังหวัดไปเยี่ยมคนอุ้มผางไม่กี่ครั้งเพราะความธุรกันดารห่างไกล ถ้ามีถนนสาย 1117 สงสัยว่าอุ้มผางคงต้องย้ายไปขึ้นกับจังหวัดกำแพงเพชร ก็คงไม่มีอำเภอไหนหรอกที่ต้องวิ่งผ่านจังหวัดอื่นเพื่อไปที่ว่าการจังหวัดตัวเอง (โอ..หรือนี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีผู้คัดค้านการสร้างเส้นทางสายนี้กันเยอะนัก?) ซึ่งน่าจะทำให้การประสานงานของหน่วยงานราชการเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ได้รับผลประโยชน์ก็ประชาชนคนอุ้มผางและนักท่องเที่ยวทั้งหลายนั่นแหละ

           ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือจะทำให้เกษตรกรชาวอุ้มผางลืมตาอ้าปากได้บ้าง เพราะค่าขนส่งพืชผลจะได้ลดลงพอแข่งขันกับชาวอำเภออื่นๆได้ ปัจจุบันเห็นทำแต่ไร่ข้าวโพดกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะอะไร? สักวันหลวงพี่จะพูดถึงเรื่องข้าวโพดนี่แหละ ว่ามันเหมือนมะเร็งร้ายที่กัดกินทำลายป่ามรดกโลกอย่างไร

        ส่งท้าย ..   

          ผู้ที่เคยไปเส้นทางช่วงหมู่บ้านอุ้มผางคีถึงช่องเย็น  รายงานมาว่า ป่าที่ว่าอุดมสมบูรณ์ที่จะรักษาไว้จนไม่อยากตัดถนนผ่านน่ะ มันกลายเป็นไร่ข้าวโพดและป่าหญ้าไปเกือบหมดแล้ว เหลือส่วนที่เป็นป่าสมบูรณ์จริงๆอยู่หน่อยเดียว

ฝากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบไปสอบสวนดูหน่อยว่ามีผู้มีอิทธิพลคนไหนอยู่เบื้องหลังการบุกรุกทำลายป่าอุ้มผางคีนี้ไหม?


จากป่าที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นไร่ข้าวโพดหมดแล้ว
ฝากผู้รับผิดชอบสอบสวนดูหน่อยว่าใครคือผู้มีอิทธิพลที่ทำได้เช่นนี้

จากป่าที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นไร่ข้าวโพดหมดแล้ว
ฝากผู้รับผิดชอบสอบสวนดูหน่อยว่าใครคือผู้มีอิทธิพลที่ทำได้เช่นนี้



         อ้อไม่ใช่เฉพาะที่อุ้มผางคี แม่กระทั่งกลางป่าดงดิบติดทุ่งใหญ่นเรศวรอย่างที่หมู่บ้านแม่ละม้งคี ก็กลายเป็นไร่ข้าวโพดสุดลูกหูลูกตา และอีกมากมายหลายพื้นที่จนนับไม่ถ้วน จริงๆข้อมูลพวกนี้มันหาได้ไม่ยากหรอก ถ้าห่วงใยทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้กันจริงๆ ..




30  ส.ค. 2559 13:58


โดยพระธาดา จรณธโร

ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์
(องค์กรสาธารณประโยชน์)




อ่านบทนำ - บทที่ 6ได้ที่ 
http://buddhisthotissue.blogsp ot.jp/2016/08/series_1.html

อ่านบทที่ 7 : ชีวิตคือการเดินทาง ได้ที่

อ่านบทที่ 8 : Been there .. Done that ..
http://buddhisthotissue.blogspot.sg/2016/08/8-been-there-done-that-series.html

อ่านบทที่ 9 : My way
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/9-my-way-series.html

อ่านบทที่ 10 : ซาโยนาระ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/10-series.html

อ่านบทที่ 11 : ชีวิตใหม่...ในเพศสมณะ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/11-series.html

อ่านบทที่ 12 : หนีเสือปะจระเข้
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/12-series.html

อ่านบทที่ 13 : เทือกเขาถนนธงชัยถึงสมุทรสงคราม
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/13-series.html

About Author

Advertisement

แสดงความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ15 กันยายน 2559 เวลา 06:27

    ธรรมสอนสั่งหยั้งใจให้เป็นสุข
    ธรรมช่วยทุกข์หมดไปใจสุขศานติ์
    ธรรมรักษาจิตใจให้เบิกบาน
    ธรรมบันดาลให้สุขตลอดไป
    ชัยชนะพระธรรมนำดวงจิต
    ชัยชนะพิชิตจิตผ่องใส
    ชัยชนะหมู่มารทุกชาติไป
    ชัยชนะให้พระชนะมาร...

    ตอบลบ
  2. ผู้มีอิทธิพลตัวจริงเป็นๆ ฟังพระท่านบ้างเถอะ อย่าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เลย

    ตอบลบ
  3. ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ

    ตอบลบ
  4. ประสบการณ์ของพระอาจารย์สุดยอดเลยค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

    ตอบลบ
  5. กราบอนุโมทนาบุญค่ะ

    ตอบลบ
  6. กราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ
    สุดยอดเลยเจ้าค่ะที่ได้ฟังเรื่องราวดีๆที่เป็นจริงบนความถูกต้อง

    ตอบลบ
  7. กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

    ตอบลบ
  8. กราบ. ขออนุโมทนา ในความ รักพระพุทธศาสนา. รักชาติ รักประชาชน ระกธรรมชาติ และ รักแผ่นดินไทย. อย่างที่หาคนทัดเทียมได้ยาก. เจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ15 กันยายน 2559 เวลา 09:43

    สาธุ เจ้าค่ะที่รักษาป่าและพระพุทธศาสนาเอาไว้ให้ลูกหลาน เป็นกำลังใจให้เสมอเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  10. สาธุ ขออนุโมทนาบุญครับ
    "นักสร้างบารมี" ก็สร้างบารมีกันต่อไป ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆทั้งสิ้น จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายอันสูงสุดคือพระนิพพานและที่สุดแห่งธรรมครับ

    ตอบลบ
  11. กราบอนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุครับ

    ตอบลบ
  12. เอาใจช่วยหลวงพี่ให้ชนะหมู่มารเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  13. กราบนมัสการหลวงพี่ ครับ

    ตอบลบ
  14. สาธุค่ะ อนุโมทนาที่นำเรื่องราวดีดี มาเผยแพร่ค่ะ

    ตอบลบ

 
Top